นโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK

วันที่ปรับปรุงล่าสุด:  1 มกราคม  2567

บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจภายใต้การควบคุมของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนานวัตกรรมสำหรับให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่บนช่องทางดิจิทัล เราให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK (“นโยบาย”) ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย

โปรดอ่านนโยบายนี้ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทอาจพัฒนาบริการใหม่หรือนำเสนอบริการเพิ่มเติมเป็นครั้งคราว หากบริการดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อวิธีที่บริษัทเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งข้อกำหนดหรือนโยบายเพิ่มเติมให้ท่านทราบ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เมื่อบริษัทนำเสนอบริการใหม่หรือบริการเพิ่มเติม บริการเหล่านั้นจะอยู่ภายใต้บังคับของนโยบายนี้ด้วย หากท่านไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของนโยบายนี้ ท่านมีสิทธิเลือกได้ว่าท่านต้องการใช้บริการของบริษัทหรือไม่

1. นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่ออะไร

นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินการและให้บริการผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการใดๆ ทั้งหมด (รวมเรียกว่า “บริการ”) ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการผ่านช่องทาง LINE BK เพื่อให้บริการทางการเงินบนแอปพลิเคชันไลน์ (LINE application) หรือไม่ก็ตาม ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2. นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้าง

ประกาศนโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับบุคคลดังต่อไปนี้

(1) บุคคลธรรมดาที่เป็นลูกค้าของบริษัท และ

(2) บุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท ซึ่งหมายความถึงบุคคลธรรมดาที่ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการกับบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สำนักงานของบริษัท ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการหรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทที่ใช้บริการของบริษัท ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงกรรมการ ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัท และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัท เป็นต้น

ข้อ (1) และ (2) รวมเรียกว่าท่าน

ในบางครั้ง เมื่อท่านเข้าใช้บริการของผู้ให้บริการรายอื่นซึ่งท่านสามารถเข้าถึงได้จากแพลตฟอร์มของบริษัท การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการรายนั้นทั้งสิ้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการรายนั้นๆ

3. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่เราเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

3.1 ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับท่านโดยที่ข้อมูลนั้นสามารถระบุตัวท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) เช่น

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของเจ้าของข้อมูลซึ่งกฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม พฤติกรรมทางเพศ หรือ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลทางชีวภาพเพื่อใช้ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบตัวตน (Biometric Information) (เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เป็นต้น) ทั้งนี้ บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่าน ยกเว้นในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเพื่อการพิสูจน์ตัวตน และ/หรือใช้เป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของท่านในการสมัครใช้บริการ และ/หรือทำธุรกรรมกับบริษัท เมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล ช่องทางออนไลน์ หรือ Call Center ของบริษัท รวมถึงช่องทางอื่นใดที่บริษัทกำหนด หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต (เช่น เพื่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อปฏิบัติตามหรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือกรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด) โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่าน

(สำหรับนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)

3.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด: ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด ซึ่งเป็นบุคลากรของนิติบุคคล และ/หรือ ที่เกี่ยวข้องกับท่านแก่บริษัท ขอให้ท่านโปรดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น หรือกำหนดฐานทางกฎหมายอื่นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามเหล่านี้ได้ ซึ่งบริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าวจากการทำธุรกรรมกับท่าน เช่น ผู้ได้รับมอบอำนาจ ผู้มีอำนาจลงนาม ผู้ค้ำประกัน ผู้ถือบัญชีร่วม ผู้ติดต่อสำหรับการติดตามหนี้ ผู้ชำระเงินเบี้ยประกัน ผู้ได้รับผลประโยชน์ ผู้จัดการมรดก บุคคลผู้ติดต่อ บุคคลอ้างอิง ผู้ติดต่อฉุกเฉิน สมาชิกในครอบครัว และ/หรือ บุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมของท่าน ลูกค้าของบุคคลภายนอก หรือในกรณีที่ท่านอาจขอให้เราเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ข้อมูลของท่านแก่บุคคลภายนอก เป็นต้น

3.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ: บริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นเฉพาะกรณีที่บริษัทสามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นโดยไม่ต้องอาศัยความยินยอม

ทั้งนี้ ผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ที่ยังไม่มีความสามารถตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแสดงเจตนาอย่างสมบูรณ์ในการทำนิติกรรมต่างๆ ได้ จะไม่สามารถดำเนินการเพื่อใช้บริการต่างๆ ของบริษัทได้ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) ที่มีอำนาจกระทำการแทน หรือเมื่ออาศัยฐานทางกฎหมายอื่นใด

4. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางใดบ้าง

เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่างๆ ที่อาจมีความแตกต่างกันตามแต่กรณี ขึ้นอยู่กับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจของเราที่ท่านได้ติดต่อด้วย

4.1 บริษัทอาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการสมัครและ/หรือการใช้บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ Call Center ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางติดต่อต่างๆ ของบริษัท เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ ข้อความสั้น (SMS) แบบสอบถาม นามบัตร การประชุม อบรม สัมมนา งานอีเวนต์ สันทนาการ การออกบูธ กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด การเข้าร่วมการประกวดหรือกิจกรรมที่จัดโดยบริษัท การพบปะ หรือช่องทางอื่นใด เป็นต้น

4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง หน่วยงานของรัฐ บริษัทข้อมูลเครดิต สถาบันการเงิน บริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท บริษัทที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์/บริการกับบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ให้บริการข้อมูล ลูกค้าของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท (ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ (เช่น ข้อมูลจากประกาศราชกิจจานุเบกษา เป็นต้น) ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น

5. เราเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง

บริษัทอาจจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะต่างๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (ทั้งนี้ วัตถุประสงค์บางประเภทอาจใช้บังคับกับบางท่านและอาจไม่ใช้บังคับกับบางท่าน โปรดพิจารณาลักษณะวัตถุประสงค์ตามความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเรา เป็นรายกรณีไป)

5.1 การดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท (Contractual Basis) เช่น

  • ดำเนินการตามคำขอของท่าน เพื่อสมัครลงทะเบียนและลงชื่อเข้าใช้บัญชีของเรา (เช่น บัญชี LINE BK)
  • ดำเนินการเข้าทำสัญญา ข้อตกลง หรือนิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของเรา
  • ดำเนินการเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เอกสาร หลักฐานที่ใช้ในการสมัครลงทะเบียน การพิสูจน์และยืนยันตัวตน การสร้างและพิสูจน์ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อทำธุรกรรมบนช่องทางดิจิทัล และเพื่อยืนยันช่องทางการติดต่อกับเรา
  • ดำเนินการพิสูจน์ข้อมูลของท่านที่ใช้ในการล็อกอินเพื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มของเรา รวมถึงทำการตรวจสอบตัวตน เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอ หรือคำสั่งจากท่าน
  • ดำเนินการตามคำขอของท่าน เพื่อการพิจารณาอนุมัติการให้บริการต่างๆ เช่น การเปิดบัญชี การให้สินเชื่อ การซื้อประกัน รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นใดที่เราให้บริการ
  • ดำเนินการตามจำเป็นเพื่อให้การให้บริการต่างๆ ของบริษัท ไม่ติดขัด ราบรื่น (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การประมวลผล การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การปรับปรุงซอฟต์แวร์ (software upgrades) และปรับปรุงการให้บริการ)
  • ติดต่อ และ/หรือแจ้งข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องให้ท่านทราบ และเพื่อติดต่อกับท่านตามที่บริษัทเห็นว่าจำเป็น เช่น การรับ-ส่งเอกสาร การแจ้งเตือน หรือการติดตามทวงถามเพื่อชำระหนี้
  • กระทำการอื่นใดที่จำเป็นในการให้บริการ หรือช่วยให้บริการสำเร็จลุล่วงตามคำขอของท่าน

5.2 ดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงระเบียบ กฎ หลักปฏิบัติ หรือแนวทางปฏิบัติใดๆ ที่ออกโดยหน่วยงานตามกฎหมายหรือที่มีอำนาจกำกับดูแล ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การดำเนินการตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การตอบข้อร้องเรียนของหน่วยงานกำกับดูแล การเปิดเผยต่อหน่วยงานกำกับดูแล และการตรวจสอบทางบัญชี การตรวจสอบในเชิงลึก และการสอบสวน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กรมสรรพากร หรือ เมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น)

5.3 การดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น

  • ป้องกันมิให้เกิดการฉ้อโกง หรือไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ในการใช้บริการ
  • ป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสาร เพื่อลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • ป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดการต่อเหตุการณ์กระทำผิดทางกฎหมาย หรือเหตุการณ์ต้องสงสัย (เช่น การล้มละลาย การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ/หรือ การดำเนินการตรวจจับ)
  • แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงธุรกิจ (เช่น การผิดนัดชำระหนี้ การผิดสัญญา เป็นต้น) ลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง/ทุจริต/การทำผิดกฎหมายต่างๆ และความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • บริหารความเสี่ยง/กำกับตรวจสอบ/บริหารจัดการภายในบริษัท เช่น การทบทวนคุณภาพเครดิตลูกค้า การทบทวนวงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย การสอบทานความถูกต้องของข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรมของท่าน เป็นต้น
  • ให้บริการลูกค้าสัมพันธ์แก่ท่าน ทำให้บริษัทรับมือกับคำถามของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การดำเนินการตามขั้นตอนเมื่อได้รับการร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาบริการใหม่ๆ และ/หรือเกี่ยวกับการให้บริการในอนาคต)
  • ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)
  • การจัดทำฐานข้อมูล หรือ การเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล เพื่อการดำเนินการภายในของบริษัท เช่น การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า ผู้สมัครใช้บริการ การจัดทำฐานข้อมูลผู้ให้บริการภายนอก
  • การดำเนินการทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เช่น
      (1) การพิจารณากลุ่มลูกค้าเพื่อการนำส่งคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรม หรือการส่งเสริมการขายตามความเหมาะสม
      (2) การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม (เช่น การลงทะเบียนเข้างาน)
      (3) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ/หรือ สิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของท่าน
      (4) การนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียงกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท
      (5) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (เช่น การให้สิทธิประโยชน์และของรางวัล) การมอบสิทธิประโยชน์ และการดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ของลูกค้า
  • รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ วิจัย และ/หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติ ที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เพื่อใช้ภายในบริษัทในการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการของบริษัท บริษัทในกลุ่มธุรกิจ และของพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการกับเรา เพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำการตลาดและการเสนอขายของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของท่าน เช่น การจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของบริษัท การจัดทำรายงานเพื่อติดตามหรือวัดผลตามประเภทบริการ การวิเคราะห์/วิจัยการตลาดเพื่อ การจัดทำข้อมูลทางสถิติ การศึกษา/ประมวลผล/วิเคราะห์เพื่อจัดทำแบบจำลอง (เช่น การทำ Credit Scoring)
  • เพื่อทดสอบระบบงานที่พัฒนา/ปรับปรุงใหม่ ก่อนการใช้งานจริง
  • ให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของเรา การวิเคราะห์และประเมินความต้องการของลูกค้า การนำเสนอบริการอื่นที่น่าจะอยู่ในความสนใจของท่าน
  • อำนวยความสะดวกในการสมัครใช้บริการต่างๆ ของบริษัท ทั้งในการสมัครใช้บริการใหม่ การกลับมาสมัครซ้ำ หรือกรณีสมัครบริการไม่สำเร็จ เช่น การ Pre-fill ข้อมูลของท่าน การแจ้งเตือนท่านเกี่ยวกับการสมัครใช้บริการของบริษัทที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ เป็นต้น
  • ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง การกระทำ หรือกระบวนการพิจารณาใดๆ (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การร่างและการตรวจสอบเอกสาร เอกสารการทำธุรกรรม การได้รับความเห็นทางกฎหมาย และดำเนินคดี) และ/หรือ ปกป้อง และบังคับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาของบริษัท
  • การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
  • การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท เช่น การบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
  • เพื่อจัดทำ และจัดเก็บรักษาเอกสารสำคัญของบริษัท ได้แก่ หนังสือรับรองนิติบุคคล ใบรับรอง ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น นัดประชุม และรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท และ/หรือ คณะกรรมการชุดย่อย และ/หรือการประชุมผู้ถือหุ้น
  • การรับ-ส่งพัสดุ

5.4 การดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมจากท่าน ดังต่อไปนี้

  • มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data)
  • เพื่อทำการตลาด การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ อันทำให้บริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจของเรา สามารถเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษ ที่เกี่ยวเนื่องกับท่าน หรือ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้องอย่างสมเหตุผลกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว
  • เพื่อส่งข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการ ข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมการขายและการตลาดต่างๆ ของบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจของเรา หรือนิติบุคคลอื่น
  • เพื่อวิเคราะห์ วิจัย หรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ รวมถึง เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจของเรา หรือนิติบุคคลอื่น ที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
  • เพื่อส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ (เว้นแต่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม)

ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากท่าน หรือผ่านบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของเรา หรือพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ นิติบุคคลอื่น เป็นคราวๆ ไป

5.5 การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) เช่น

  • การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
  • การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
  • การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณหรือสถานที่ของบริษัท

ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านสำหรับการเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท และ/หรือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ หรือกรณีที่ท่านเลือกที่จะลบบัญชีผู้ใช้งานของท่านออกจากเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์ม ที่บริษัทให้บริการ บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติหรือส่งมอบ/จัดหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ท่านได้ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทได้

6. เราแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่นอย่างไร

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาในข้อ 5. บริษัทอาจเปิดเผยโดยการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านให้กับบุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ดังต่อไปนี้

(1) บริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บมจ. ธนาคารกสิกรไทย บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย (รายละเอียดสามารถดูได้จาก www.kasikornbank.com/financial-conglomerate) แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) และบริษัทในเครือแอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) ซึ่งประกอบด้วย แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation), บริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น (LINE Financial Corporation) และ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

(2) ผู้ให้บริการของบริษัท ผู้รับจ้างตามสัญญา ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ คู่ค้า หรือตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ในนามของบริษัท หรือเพื่อช่วยสนับสนุนการให้บริการของบริษัทแก่ท่าน (“ผู้ให้บริการภายนอก”) ซึ่งบริษัทอาจจะมอบหมายให้ผู้ให้บริการภายนอกจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่าน ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อให้บริการในนามบริษัท โดยบริษัทจะคำนึงถึงความจำเป็นเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้บริการ ในกรณีเช่นว่า บริษัทจะดำเนินการ เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ให้บริการภายนอกอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเมินคุณสมบัติ และความสามารถของผู้ให้บริการภายนอกอย่างเพียงพอ กำหนดข้อสัญญาว่าด้วยการรักษาความลับในสัญญาว่าจ้างที่ทำกับผู้ให้บริการภายนอก พร้อมทั้งจัดตั้งระบบการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม

(3) พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (เช่น พันธมิตรทางธุรกิจที่มีการทำโครงการร่วมกัน พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ หรือบริการร่วมกัน เป็นต้น)

(4) ที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญ ของบริษัท (เช่น ที่ปรึกษาวิชาชีพด้านการตรวจสอบกฎหมาย บัญชี หรือภาษี เป็นต้น)

(5) ผู้รับโอน ผู้สนใจจะเข้ารับโอน หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่บริษัทอาจจะทำการควบรวมกิจการ แยกธุรกิจ โอนย้ายธุรกิจ หรือทำการอื่นใดซึ่งอาจเป็นผลให้มีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ไปยังบุคคลภายนอกได้

(6) หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล สมาคม หน่วยงานหรือบุคคลอื่นใดตามความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายหรือปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย ในการออกคำสั่ง หมายเรียก หมายอายัด หรือการดำเนินการอื่นใดตามกระบวนการทางกฎหมาย ให้บริษัทเปิดเผยหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือนำส่งทรัพย์สิน เช่น กรมบังคับคดี เป็นต้น

(7) บุคคลที่สามอื่นใด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายฉบับนี้

7. เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทอื่นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจของบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท (เช่น คู่ค้าในต่างประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ เป็นต้น) เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์ (Cloud) หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เป็นต้น

ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นอาจมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่ไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลของประเทศไทย บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย เป็นต้น

8. การใช้คุกกี้ของบริษัท

บริษัทจัดเก็บข้อมูลของท่านเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่อการปรับปรุงเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่อให้บริษัทสามารถเสนอสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการของท่าน เพื่อการรักษาความปลอดภัยของท่านเมื่อใช้งานงานเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัท เพื่อให้บริษัทสามารถจดจำอุปกรณ์ของท่าน เมื่อท่านกลับเข้ามาในเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของบริษัทอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ วัตถุประสงค์ของบริษัทในการใช้และวิธีในการจัดการ โปรดดูนโยบายคุกกี้ของบริษัทได้ที่ www.linebk.com/th/privacy-policy/#cookies-policy

9. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด (User information retention)

9.1 บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตลอดเวลาที่ท่านยังใช้บริการของบริษัทอยู่ หรือในระหว่างระยะเวลาที่บริษัทและท่านยังคงมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อกัน หรือเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์การใช้งานตามรายละเอียดในนโยบายนี้ หรือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่ใช้บังคับ หรือเพื่อการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีที่อาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ระยะเวลา 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดความสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อกัน เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

9.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ หากมีความจำเป็นตามสมควรที่จะต้องเก็บไว้ดังนี้

  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่ใช้บังคับหรือหน้าที่ตามกฎหมาย
  • เพื่อให้บริการช่วยเหลือท่านในการใช้บริการของบริษัทได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
  • เพื่อระงับข้อพิพาทที่มี หรือในระหว่างระยะเวลาที่ใช้บังคับได้ หรือ
  • เพื่อตรวจจับและป้องกันมิให้มีการใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือใช้ในลักษณะฉ้อฉล หรือมิชอบ

10. บริษัทรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจะรักษามาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลโดยเคร่งครัด ทั้งมาตรการในการบริหารจัดการ มาตรการเชิงเทคนิค และการป้องกันทางกายภาพ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความถูกต้องครบถ้วน เพื่อรักษาความลับ เพื่อปกป้องความเสียหาย และเพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

11. บริษัทรักษาความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร

บริษัทมีกระบวนการในการสร้างความมั่นใจว่า ข้อมูลการใช้บริการและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และมีความสมบูรณ์ตามมาตรฐานทางธุรกิจ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกระบวนการในการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดตามคำร้องขอของท่านได้อีกด้วย

ในกรณีที่ แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) หรือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย ส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทโดยได้รับความยินยอมจากท่านแล้วตามที่กฎหมายกำหนด หากแต่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้นไม่สอดคล้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่บริษัทมีอยู่ บริษัทอาจจะใช้ดุลยพินิจในการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูลที่บันทึกไว้ให้ถูกต้องตามข้อมูลที่ได้รับมาใหม่จาก แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) หรือ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน มีความสอดคล้องกัน

12. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง

สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายของท่านที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

12.1 สิทธิขอถอนความยินยอม (Right to Withdraw Consent)

ท่านสามารถขอเพิกถอนความยินยอมที่จะให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมาย หรือภายใต้สัญญาที่ท่านยังคงมีอยู่กับบริษัท หรือกับผู้ให้บริการอื่นภายใต้ช่องทาง LINE BK

12.2 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูล

ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีดังนี้

(1) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ด้วยเหตุจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เว้นแต่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ เป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการเสนอบริการ และข้อเสนอพิเศษด้านการตลาด

(3) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและวิเคราะห์ ประเมินผลข้อมูล ทำสถิติ เว้นแต่การจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

12.3 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล

(1) ท่านอาจจะขอดู หรือร้องขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้จากการที่ท่านได้ใช้บริการจากบริษัท

(2) ในกรณีที่ท่านร้องขอการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง (รวมถึงขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน) ซึ่งท่านไม่สามารถยืนยัน/เข้าถึงผ่านช่องทาง LINE BK ได้ บริษัทอาจจะเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการจากท่านในการเปิดเผยข้อมูล

12.4 สิทธิขอแก้ไขข้อมูล

ท่านสามารถยืนยัน เพิ่มเติม หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองที่ได้ลงทะเบียนไว้ในการใช้บริการของบริษัทไม่ว่าในเวลาใดๆ เพื่อให้ข้อมูลถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

12.5 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับเรา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอ/ใบสมัครของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

12.6 สิทธิขอให้ลบ/ทำลายข้อมูล

หากท่านพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ลงทะเบียนไว้กับบริษัท ได้เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ถูกต้อง ท่านอาจจะร้องขอให้บริษัทลบ หรือยกเลิกการเก็บรวบรวม การประมวลผล หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ต่อไป

นอกจากนี้ ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ หรือ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลว่าเป็นลูกค้าได้ ในกรณีดังนี้

(1) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

(2) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป

(3) เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือ เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

(4) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

12.7 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังนี้

(1) เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านร้องขอ

(2) เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน

(3) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้ เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(4) เมื่อบริษัทอยู่ระหว่างการพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือ การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือ การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ให้บริการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูล

12.8 สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นจำกัดเฉพาะข้อมูลที่ท่านส่งมอบให้แก่บริษัท ไม่รวมถึงข้อมูลภายในที่บริษัทจัดทำขึ้น ในบางกรณี บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอของท่านได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้น เป็นไปเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (Legal Obligation) หรือเป็นไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท (Legitimate interest)

ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน บริษัทอาจใช้ระยะเวลาดำเนินการภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูลครบถ้วน สำหรับการดำเนินการตามคำขอของท่านเพื่อเพิกถอนความยินยอมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัทจะใช้ระยะเวลาดำเนินการภายใน 7 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูลครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความซับซ้อนและปริมาณข้อมูลตามคำร้องขอ หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของท่านได้ทันที

13. การยกเลิกบริการ

13.1 หากท่านตัดสินใจยกเลิกการใช้บริการต่างๆ ที่มีกับบริษัท ข้อมูลทั้งหมด (รวมถึง แต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคล) ที่เกี่ยวกับท่านจะได้รับการจัดการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง นโยบายฉบับนี้ และนโยบายอื่นๆ ของบริษัท อย่างไรก็ตาม การยกเลิกดังกล่าวจะไม่ถือว่าเป็นการเพิกถอนการอนุญาตที่ได้ให้บริษัทใช้และเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่จะได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น เป็นลายลักษณ์อักษร

13.2 หากท่านถอนความยินยอมในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับลักษณะของคำขอ บริษัทอาจจะไม่อยู่ในสถานะที่จะดำเนินการให้บริการแก่ท่านได้ต่อไป หรือไม่สามารถบริหารจัดการนิติสัมพันธ์ที่มีอยู่ได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุแห่งการยกเลิกสัญญากับบริษัท และถือว่าท่านผิดสัญญาหรือคำรับรองตามสัญญา บริษัทขอสงวนสิทธิ์และการเยียวยาตามกฎหมายไว้อย่างชัดแจ้ง

14. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทอาจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่สำคัญต่อนโยบายความเป็นส่วนตัวผ่านทาง LINE บนเว็บไซต์ของบริษัท www.linebk.com/th/privacy-policy หรือช่องทางอื่นตามที่เห็นสมควร

15. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อร้องเรียน หรือมีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยบริษัท ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่

ท่านสามารถขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือแจ้งปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามแบบฟอร์มที่กำหนดได้ที่ https://www.linebk.com/th/notices/detail/pdpa-form

16. ภาษา

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากมีข้อความที่ขัดแย้งกันระหว่างฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ ให้ถือตามฉบับภาษาไทย

 

 


บทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK

วันที่ปรับปรุงล่าสุด:  1  ตุลาคม 2566

เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้บริการผ่านช่องทาง LINE BK และการให้บริการทางการเงินอื่นใดของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจภายใต้การควบคุมของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท”) ไม่ว่าจะมีการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีหรือไม่ก็ตาม (รวมเรียกว่า “บริการ”) แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) (“LY”, “เรา”) ได้นำบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้ LINE BK (“บทเพิ่มเติม”) ฉบับนี้ มาใช้เพื่อเสริมนโยบายความเป็นส่วนตัว แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) เพื่ออธิบายวิธีการบริหารจัดการข้อมูลต่างๆ ที่เราได้รับ ได้ใช้ หรือได้แบ่งปัน รวมถึงเป็นบทเพิ่มเติมสำหรับนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่และนำมาปรับใช้ควบคู่ไปกับบทเพิ่มเติมต่างๆ ที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลที่ได้รับการแบ่งปันจาก LY ไปยังบริษัท

ในการให้บริการและส่งเสริมบริการของเรา การให้บริการสนับสนุนลูกค้า การป้องกันการใช้บริการของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งรวมถึงการป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัท (เช่น ความเสี่ยงจากการทุจริต ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการกระทำต่างๆ ที่อาจผิดกฎหมาย เป็นต้น) การพัฒนาและปรับปรุงบริการโดยการทำวิจัยและวิเคราะห์ ประเมินผลข้อมูลและทำสถิติ การปรับปรุงข้อมูลการติดต่อของท่านให้เป็นปัจจุบัน เพื่อประกอบการติดตามทวงถาม และเพื่อนำเสนอโปรแกรมให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับบริการที่ท่านมีอยู่กับบริษัท ท่านรับทราบและยอมรับว่า LY อาจแบ่งปันข้อมูลรายละเอียดของท่านที่ถูกสร้างและจัดเก็บโดย LY ให้กับบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการ ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่ท่านส่งคำขอแก้ไขให้ LY เพื่อปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ LY ได้บันทึกไว้ให้เป็นปัจจุบัน LY จะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงข้อมูลที่ LY ได้บันทึกไว้ให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ LY จะแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวให้กับบริษัทโดยอัตโนมัติ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงข้อมูลที่บริษัทได้บันทึกไว้ให้เป็นปัจจุบันด้วยเช่นกัน เพื่อการให้บริการของบริษัทและเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์การใช้บริการอย่างไม่ขาดตอน

ข้อมูลที่ได้รับการแบ่งปันจากบริษัทไปยัง LY

โปรดดูนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK สำหรับรายละเอียดข้อมูลที่ได้รับการแบ่งปันจากบริษัทไปยัง LY

การเปลี่ยนแปลงของบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK

เราอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับบริการ LINE BK และกฎหมาย รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เราจะแจ้งให้ท่านทราบเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่สำคัญต่อบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE application) หรือทางอื่นๆ ที่สมเหตุสมผล ท่านสามารถดูนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK และบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK ได้ผ่านทาง LINE แอปพลิเคชันหรือบนเว็บไซต์ของเราได้ที่ www.linebk.com/th/privacy-policy

เราได้ดำเนินการปรับบทเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK ให้เป็นปัจจุบัน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566

 

 


นโยบายการใช้งานคุกกี้ (LINE BK Cookies Policy)

วันที่ปรับปรุงล่าสุด: 1 เมษายน 2567

บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจภายใต้การควบคุมของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) อาจมีการใช้คุกกี้หรือเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน (“คุกกี้”) บนเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของเรา เพื่อช่วยให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้บริการ และช่วยให้เราสามารถพัฒนาคุณภาพของบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น​ บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ท่านทราบ โดยมีการพิจารณาทบทวนและปรับปรุงนโยบายนี้ตามความเหมาะสมอยู่เป็นระยะ

1.  คุกกี้คืออะไร

คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความขนาดเล็กซึ่งถูกติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารของท่าน ( รวมเรียกว่า “อุปกรณ์”) รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน เช่น แท็กพิกเซล (ภาพกราฟิกโปร่งใสที่ถูกวางไว้บนเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน) ตัวระบุอุปกรณ์มือถือ หรือที่จัดเก็บเว็บที่ใช้ในซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ เป็นต้น โดย คุกกี้จะถูกใช้งานอย่างแพร่หลายเพื่อที่จะทำให้ เว็บไซต์/แอปพลิเคชันของบริษัท สามารถทำงานได้หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2.  บริษัทใช้คุกกี้ประเภทใด

ประเภทของคุกกี้ที่บริษัทใช้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะรายการต่อไปนี้

คุกกี้ของบุคคลที่สาม: ในกรณีที่มีการเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม เช่น พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท เครือข่ายการโฆษณา สื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการเว็บไซต์ภายนอกอื่นๆ เป็นต้น คุกกี้บางประเภทอาจมีการจัดการโดยบุคคลที่สาม เราแนะนำให้ท่านศึกษาและทำความเข้าใจนโยบายการใช้คุกกี้และนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามด้วย

3. การจัดเก็บและใช้คุกกี้

การทำงานของคุกกี้ ทำให้บริษัทสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านในรูปแบบต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น

  • อินเทอร์เน็ตโดเมนและ IP Address
  • ประเภทของเบราว์เซอร์ซอฟต์แวร์ ตลอดจนโครงสร้างและระบบการปฏิบัติงานที่ใช้ในการเข้าสู่เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
  • วันที่และเวลาที่ท่านเข้าสู่เว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
  • ภาษาที่ท่านเลือกใช้บนหน้าเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ท่านเข้าชมหรือใช้บริการ
  • ตำแหน่งสถานที่ ที่อยู่ของท่าน (ตำบล อำเภอ จังหวัด เมือง รัฐ ประเทศ) ขณะที่ท่านเข้าชมหรือใช้บริการเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน
  • ข้อมูลอุปกรณ์ รุ่น และประเภทอุปกรณ์
  • หน้าเว็บไซต์/แอปพลิเคชันที่ท่านเข้าชม และนำท่านออกจากเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน ของบริษัท รวมถึงเนื้อหาบนหน้าที่ท่านเยี่ยมชมและระยะเวลาที่ท่านใช้ในการเยี่ยมชม
  • ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของบริษัท หรือที่ได้รับจากผู้ให้บริการอื่น/แอปพลิเคชันอื่น

ข้อมูลดังกล่าวของท่านจะได้รับการเก็บรวบรวมไว้ตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์การใช้งานที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยจะเก็บรวบรวมไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่ท่านเข้าใช้บริการเว็บไชต์/แอปพลิเคชันของบริษัทล่าสุด ซึ่งการเปิดเผยนี้อาจจะมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้

บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้รับจ้างของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท และบริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์และประมวลผลลักษณะการใช้งานเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของท่าน และที่เกี่ยวข้องกับการทำสื่อโฆษณาเท่านั้น ซึ่งการเปิดเผยนี้อาจจะมีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้

4. ฐานทางกฎหมาย

การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีของคุกกี้นั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือเป็นไปตามความยินยอมที่ได้รับโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ท่านสามารถยกเลิกความยินยอมเสียเมื่อใดก็ได้ที่่ “การตั้งค่าคุกกี้”

5. การจัดการและการลบคุกกี้

ท่านสามารถเลือกปิดค่าคุกกี้แต่ละประเภทในหน้าเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของบริษัทได้ ยกเว้นคุกกี้ที่จำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์ ท่านสามารถลบคุกกี้ได้โดยลบออกจากประวัติเบราว์เซอร์ (แคช) ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุกกี้รวมถึงวิธีควบคุมการใช้งานเหล่านี้ผ่านการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่านที่ www.allaboutcookies.org 

อย่างไรก็ตาม บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การปิดการใช้งานคุกกี้บางตัวอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเว็บไซต์/แอปพลิเคชันนี้ และอาจส่งผลถึงขั้นที่ทำให้รูปแบบการทำงานหรือปฏิบัติการบางอย่างของเว็บไซต์/แอปพลิเคชันไม่สามารถใช้งานได้

6. การเปลี่ยนแปลงนโยบาย

นโยบายการใช้คุกกี้นี้อาจมีการปรับปรุงแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สิทธิต่างๆ ได้จากนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ LINE BK ได้ที่ www.linebk.com/th/privacy-policy

คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคุกกี้ของเว็บไซท์ได้โดยคลิกที่นี่

 

 


นโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK สำหรับผู้สมัครงานและพนักงาน

วันที่ปรับปรุงล่าสุด:  1 มกราคม 2567

บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด บริษัทลูก และบริษัทที่อยู่ภายในกลุ่มธุรกิจภายใต้การควบคุมของบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) ให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย นโยบายความเป็นส่วนตัว LINE BK สำหรับผู้สมัครและพนักงาน (“นโยบาย”) ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย

ทั้งนี้ หากท่านไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของนโยบายนี้ หรือหากท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่บริษัท บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการที่เกี่ยวกับการเสนอตำแหน่งงาน การสมัครงาน การจ้างงาน หรือการฝึกงานแก่ท่านได้ตามคำขอ และอาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่บางประการที่บริษัทมีต่อท่าน หรืออาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้

1. นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่ออะไร

นโยบายฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การจ้างงาน หรือการฝึกงานของท่านภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2. นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้าง

ประกาศนโยบายฉบับนี้ใช้สำหรับผู้สมัครและพนักงานของบริษัท ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้สมัครงานและผู้สัมภาษณ์งาน พนักงาน กรรมการ ที่ปรึกษา นักศึกษาฝึกงาน พนักงานชั่วคราว ผู้ที่เคยเป็นพนักงานของบริษัท (เช่น อดีตพนักงาน หรือพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว) พนักงานภายนอกองค์กร วิทยากร ลูกจ้าง รวมไปจนถึงบุคคลในครอบครัว ผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ บุคคลอ้างอิง บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน พยานและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น (รวมเรียกว่า “ท่าน”)

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย นอกเหนือจากที่ได้มาจากความสัมพันธ์เกี่ยวกับการสมัครงานและการสัมภาษณ์งาน การฝึกงาน การจ้างงานของท่าน หรือการดำเนินการใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับงานด้านทรัพยากรบุคคลของเราให้กับท่าน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย จากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท จะไม่อยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้ของนโยบายฉบับนี้

3. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย

3.1 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับท่านโดยที่ข้อมูลนั้นสามารถระบุตัวท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม) เช่น

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่าน หากแต่ในบางกรณี เรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่านเพื่อพิจารณาการจ้างงาน การดำเนินการตามสัญญาที่บริษัทมีอยู่กับท่าน หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงาน ความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม หรือ ข้อมูลสุขภาพ ผลตรวจสุขภาพ ข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric Information) (เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า เป็นต้น) เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่านเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต (เช่น เพื่อตั้งสิทธิ์เรียกร้องตามกฎหมาย ยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ปฏิบัติตามหรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือกรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด) โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทีอ่อนไหวจากท่าน

(สำหรับนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)

3.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด: ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับท่านแก่บริษัท เช่น คู่สมรส บุตร บิดา/มารดา ข้อมูลสมาชิกในครอบครัว หัวหน้างาน ผู้กู้ร่วม/ผู้ค้ำประกัน อดีตนายจ้าง ข้อมูลผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่างๆ ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน และบุคคลที่ท่านอ้างอิง เป็นต้น ขอให้ท่านโปรดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น หรือกำหนดฐานทางกฎหมายอื่นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามเหล่านี้ได้

3.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ: บริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ (แล้วแต่กรณี) บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นเฉพาะกรณีที่บริษัทสามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นโดยไม่ต้องอาศัยความยินยอม

4. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางใดบ้าง

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่างๆ ที่อาจมีความแตกต่างกันตามแต่กรณี

4.1 บริษัทอาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือมีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการสรรหาบุคคล การสมัครงานและการสัมภาษณ์งาน และในระหว่างการจ้างงาน หรือการฝึกงาน หรือจากช่องทางการติดต่อต่างๆ เช่น การพบปะ เว็บไซต์ อีเมล โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ หรือช่องทางอื่นใด

4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ ตัวแทนจัดหางาน เว็บไซต์/แอปพลิเคชันสมัครงาน สื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ ที่ปรึกษา หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของรัฐ บุคคลอ้างอิงที่ท่านระบุไว้ เป็นต้น

5. เราเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง

บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อพิจารณารับเข้าทำงาน รับเข้าฝึกงาน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน หรือเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งวัตถุประสงค์ ต่อไปนี้

5.1 การดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) เพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา เช่น

  • ดำเนินการที่จำเป็นในการพิจารณาและคัดเลือกผู้สมัครงาน เช่น การเสนอตำแหน่งงาน การสัมภาษณ์งาน การประเมินคุณสมบัติและความเหมาะสมกับตำแหน่งงาน
  • ดำเนินการตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติของผู้สมัครก่อนการจ้างงานภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย รวมถึงการตรวจสอบประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม และตรวจสอบข้อมูลจากบุคคลอ้างอิงที่ผู้สมัครระบุ
  • ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เอกสาร หลักฐาน การระบุและยืนยันตัวตน
  • จัดให้เข้าทำสัญญาทดลองงาน สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทำของ สัญญาฝึกงาน หรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการปฏิบัติตามนโยบายและข้อบังคับการบริหารงานบุคคลของบริษัท
  • ดำเนินการเพื่อพิจารณาค่าตอบแทนและการให้สิทธิสวัสดิการต่างๆ เช่น การหักภาษี การนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับประกันสังคม การนำส่งข้อมูลกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
  • ดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับ การลาออก การเลิกจ้าง เช่น การจ่ายเงินค่าชดเชย สวัสดิการ หลังการเลิกจ้าง เป็นต้น
  • เปิดเผยให้แก่ลูกค้า คู่ค้า หรือบุคคลอื่น อันเนื่องมาจากสิทธิ และหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างงาน

5.2 การดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงระเบียบ กฎ หลักปฏิบัติ หรือแนวทางปฏิบัติใดๆ ที่ออกโดยหน่วยงานตามกฎหมายหรือที่มีอำนาจกำกับดูแล ซึ่งบริษัทมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายเงินทดแทน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายล้มละลาย กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายคอมพิวเตอร์ ประกาศของหน่วยงานกำกับดูแล กฎหมายอื่นๆ ที่จำเป็น รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าวเป็นต้น รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การดำเนินการตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การตอบข้อร้องเรียนของหน่วยงานกำกับดูแล การเปิดเผยต่อหน่วยงานกำกับดูแล การตรวจสอบในเชิงลึก และการสอบสวน หรือเมื่อได้รับหมายเรียก หมายอายัดจากหน่วยงานราชการ หรือ ศาล เป็นต้น

5.3 การดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น

  • บริหารจัดการภายในองค์กรเกี่ยวกับกระบวนการจ้างงาน เช่น การส่งข้อมูลผู้สมัครหรือรายงาน การสัมภาษณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจตัดสินใจคัดเลือก กระบวนการภายในเพื่อจัดทำสัญญาจ้าง เป็นต้น
  • บริหารจัดการภายในองค์กรรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เช่น การจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน การทำบัตรพนักงาน การประเมินและบริหารผลการปฏิบัติงาน การโยกย้ายหรือปรับตำแหน่ง การจัดหาสวัสดิการ การกำหนดค่าตอบแทน การจัดทำหนังสือรับรอง การบริหารบุคลากร (เช่น การตรวจสอบเวลาเข้างาน การบริหารจัดการวันลาพักร้อน ลากิจ หรือลาป่วย เป็นต้น) การดำเนินการหลังพนักงานพ้นสภาพการเป็นพนักงาน กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติสำหรับพนักงานบางตำแหน่ง การตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อนสำหรับผู้บริหารบางกรณี
  • เพื่อจัดทำ และจัดเก็บรักษาเอกสารสำคัญของบริษัทฯ ได้แก่ หนังสือรับรองนิติบุคคล ใบรับรอง ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น นัดประชุม และรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท และ/หรือ คณะกรรมการชุดย่อย และ/หรือการประชุมผู้ถือหุ้น
  • ป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสาร เพื่อลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตรวจสอบข้อมูลการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติงาน และเพื่อคุ้มครองข้อมูลและความลับของบริษัท
  • ป้องกัน ตรวจจับ วิเคราะห์ และจัดการต่อเหตุการณ์กระทำผิดทางกฎหมาย หรือเหตุการณ์ต้องสงสัย หรือจัดการข้อร้องเรียนทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร (เช่น การล้มละลาย การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ/หรือ การดำเนินการตรวจจับ)
  • บริหารความสัมพันธ์กับพนักงาน การจัดกิจกรรม การสำรวจและเก็บรวบรวมความคิดเห็น
  • พัฒนาความสามารถ เช่น การฝึกอบรม สัมมนา การรับรองความรู้ด้านต่างๆ
  • วิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติและจัดทำรายงานสำหรับการใช้ภายในบริษัทและการนำส่งหน่วยงานภายนอก
  • ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (anonymous data)
  • การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท เช่น การบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
  • แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ในการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงธุรกิจ ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง/ทุจริต/การทำผิดกฎหมายต่างๆ และความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์
  • การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
  • การรับ-ส่งพัสดุ
  • การดำเนินการอื่นใดของบริษัท เช่น การมอบหมายงานให้ผู้อื่นทำแทน การโฆษณา การจัดทำสื่อและการสื่อสารองค์กรทั้งภายในและภายนอก เป็นต้น

5.4 การดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมจากท่านดังนี้

  • มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Personal Data)
  • เพื่อส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ (เว้นแต่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม) โดยบริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่า ผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์อื่นใด บริษัทอาจขอความยินยอมจากท่านเป็นคราวๆ ไป

5.5 การดำเนินการเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) เช่น

  • การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
  • การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
  • การรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณหรือสถานที่ของบริษัท

6. เราแบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่นอย่างไร

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่าน หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาในข้อ 5. บริษัทอาจเปิดเผยโดยการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านให้กับบุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ดังต่อไปนี้

(1) บริษัทในกลุ่มธุรกิจของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บมจ. ธนาคารกสิกรไทย บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) และบริษัทในเครือแอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation) ซึ่งประกอบด้วย แอลวาย คอร์ปอเรชั่น (LY Corporation), บริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น (LINE Financial Corporation) และ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

(2) ผู้ให้บริการของบริษัท ผู้รับจ้างตามสัญญา ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ คู่ค้า หรือตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ในนามของบริษัท หรือเพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินการต่างๆ ของบริษัทแก่ท่าน (“ผู้ให้บริการภายนอก”) ซึ่งบริษัทอาจจะมอบหมายให้ผู้ให้บริการภายนอกจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากท่าน ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อให้บริการในนามบริษัท โดยบริษัทจะคำนึงถึงความจำเป็นเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการใช้บริการ ในกรณีเช่นว่า บริษัทจะดำเนินการ เพื่อทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ให้บริการภายนอกอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเมินคุณสมบัติ และความสามารถของผู้ให้บริการภายนอกอย่างเพียงพอ กำหนดข้อสัญญาว่าด้วยการรักษาความลับในสัญญาว่าจ้างที่ทำกับผู้ให้บริการภายนอก พร้อมทั้งจัดตั้งระบบการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเหมาะสม

(3) พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท (เช่น พันธมิตรทางธุรกิจที่มีการทำโครงการร่วมกัน พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ หรือบริการร่วมกัน เป็นต้น)

(4) ที่ปรึกษา / ผู้เชี่ยวชาญ ของบริษัท (เช่น ที่ปรึกษาวิชาชีพด้านการตรวจสอบกฎหมาย บัญชี หรือภาษี ที่ปรึกษาด้านงานทรัพยากรบุคคล เป็นต้น)

(5) ผู้รับโอน ผู้สนใจจะเข้ารับโอน หรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่บริษัทอาจจะทำการควบรวมกิจการ แยกธุรกิจ โอนย้ายธุรกิจ หรือทำการอื่นใดซึ่งอาจเป็นผลให้มีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ไปยังบุคคลภายนอกได้

(6) หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล สมาคม หน่วยงานหรือบุคคลอื่นใดตามความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายหรือปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร ศาล ตำรวจ หรือหน่วยงานราชการอื่นใดที่มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย ในการออกคำสั่ง หมายเรียก หมายอายัด หรือการดำเนินการอื่นใดตามกระบวนการทางกฎหมาย ให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือนำส่งทรัพย์สิน เช่น กรมบังคับคดี เป็นต้น

(7) บุคคลที่สามอื่นใด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ หรือตามที่ท่านร้องขอ

7. เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศหรือไม่

บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทอื่นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจของบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์ (Cloud) หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ เป็นต้น

ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นอาจมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่ไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลของประเทศไทย บริษัทจะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย เป็นต้น

8. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นผู้สมัครหรือบุคลากรของบริษัท หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับเรา หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น

8.1 ผู้สมัครงาน ที่ไม่ได้รับการคัดเลือก บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของท่านเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นหลักฐานว่าบริษัทได้พิจารณาคัดเลือกท่านอย่างยุติธรรม และเพื่อพิจารณารับท่านเข้าทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับท่านในอนาคต

8.2 บุคลากรของบริษัท จัดเก็บไว้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิด ข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ระยะเวลา 10 ปี เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทจะลบ/ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

9. บริษัทรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจะรักษามาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลโดยเคร่งครัด ทั้งมาตรการในการบริหารจัดการ มาตรการเชิงเทคนิค และการป้องกันทางกายภาพ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความถูกต้องครบถ้วน เพื่อรักษาความลับ เพื่อปกป้องความเสียหาย และเพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

10. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง

สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายของท่านที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

10.1 สิทธิขอถอนความยินยอม

หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือให้สวัสดิการกับท่านได้ หรืออาจส่งผลให้กิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว หรืออาจส่งผลกระทบต่อท่าน เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

10.2 สิทธิขอคัดค้าน

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยัน การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

10.3 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นได้มาอย่างไรโดยปราศจากความยินยอมของท่าน

10.4 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

10.5 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับเรา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอ/ใบสมัครของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

10.6 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

10.7 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

10.8 สิทธิร้องเรียน

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน บริษัทอาจใช้ระยะเวลาภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูลครบถ้วน สำหรับการดำเนินการตามคำขอของท่านเพื่อเพิกถอนความยินยอม บริษัทจะใช้ระยะเวลาดำเนินการภายใน 7 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูลครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความซับซ้อนและปริมาณข้อมูลตามคำร้องขอ หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของท่านได้ทันที

11. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน

บริษัทอาจจะเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบเมื่อมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่สำคัญบนเว็บไซต์ของบริษัท www.linebk.com/th/privacy-policy/#privacy-policy-personel หรือช่องทางอื่นตามที่บริษัทเห็นสมควร

12. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อร้องเรียน หรือมีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยบริษัท ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่

13. ภาษา

นโยบายความเป็นส่วนบุคคลสำหรับพนักงานฯ ฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากมีข้อความที่ขัดแย้งกันระหว่างฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ ให้ถือตามฉบับภาษาไทย

LINE Chat

Go to Top